ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านกระบวนการอนาล็อกสู่ดิจิทัล ทำให้ไอพีโอน้องใหม่อย่าง “บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8” เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ (End-To-End Digital Transformation Expert) โดย BE8 เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2564

  • คร่ำหวอดในธุรกิจมากกว่า 12 ปี

    นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BE8 เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า การให้บริการที่ปรึกษาด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจรของ BE8 โดดเด่น และแตกต่างจากคู่แข่ง เนื่องจากบริษัทดำเนินธุรกิจมากกว่า 12 ปี เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น บริษัทแรกๆ ในไทย มีประสบการณ์การทำงานมามากกว่า 250 โครงการ ในหลายอุตสาหกรรม และหลากหลายองค์กรมากกว่า 100 ราย ซึ่งแต่องค์กรที่บริษัททำก็มีพื้นฐาน ข้อจำกัด และปัจจัยอื่นๆ ที่แตกต่างกัน ทำให้การที่บริษัททำโครงการให้กับองค์กรนั้นๆ เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละองค์กร ดังนั้นองค์ความรู้ ประสบการณ์ที่สะสมมาเป็นสิ่งที่ยากที่จะลอกเลียนแบบ

    ประกอบกับบริษัทมั่นใจในเทคโนโลยีพาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในแต่ละด้าน ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่บริษัทนำเข้ามา และร่วมงานกับพาร์เนอร์ ผ่านการวิจัยและพัฒนาในระดับโลก และได้รับการยอมรับทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Tableau, Google และ Salesforce รวมทั้งการที่ Salesforce ซึ่งเป็น CRM Software อันดับ 1 ของโลก ไม่ได้เป็นแค่พาร์ทเนอร์กับบริษัท แต่เข้ามาร่วมลงทุนในบริษัท ซึ่งเป็นการช่วยเปิดประตูให้บริษัทเข้าถึงความเป็นผู้นำ และผู้เชี่ยวชาญของ Salesforce รวมถึงเครือข่ายบริษัท Tech ต่างๆ อีกกว่า 400 บริษัท ที่ Salesforce ร่วมลงทุน เป็นการสร้างความเชี่ยวชาญ และความรู้ให้กับบริษัทเพิ่มเติม ดังนั้นทำให้ลูกค้ามั่นใจและเชื่อมั่นที่จะเลือก BE8 เป็นพาร์ทเนอร์ในการช่วยให้บริษัทของลูกค้าก้าวข้ามดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น

    “BE8 มีวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ ในการเป็น “คู่คิดทางธุรกิจที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ ด้วยความใส่ใจ ตั้งใจ และความรับผิดชอบ ที่เชื่อมโยงและตอบโจทย์กลยุทธ์ของลูกค้า เพื่อก่อให้เกิดคุณค่าทางธุรกิจอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป้าหมายของบริษัท คือ ความสำเร็จของลูกค้าคือความสำเร็จของบริษัท ดังนั้นตั้งแต่โครงการแรกจนถึงปัจจุบัน บริษัทจึงเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาตอบโจทย์ให้ลูกค้าเท่านั้น เพราะบริษัทมองลูกค้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และผลงานที่ลูกค้าได้รับจากบริษัทจะอยู่ในระดับมาตรฐานโลก”

    ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกค้าของบริษัทแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ เอสเอ็มอี, ขนาดกลาง (mid size) และระดับองค์กร ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในระดับองค์กร และบริษัทต้องการขยายไปยังกลุ่ม SME มากขึ้นในอนาคต โดยลูกค้า 40% อยู่ในกลุ่มธนาคาร และประกัน ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต ค้าปลีก อุปโภคบริโภค อาหาร อสังหาริมทรัพย์ และขนส่ง

  • พัฒนาตัวเองไม่หยุดยั้งในทุกมิติ

    สำหรับ Key Success ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องของ BE8 มาจากความคิด ซึ่งสิ่งที่บริษัทยึดมั่นมาตลอด คือ ถ้าบริษัททำให้ลูกค้าประสบความสำเร็จได้บริษัทก็จะประสบความสำเร็จด้วย โดยบริษัทจะเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เพราะฉะนั้นบริษัทจะต้องพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญของบุคลากร บริการที่ครอบคลุมเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และการนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ามั่นใจเลือกใช้บริการของบริษัทมาโดยตลอด ส่งผลให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

    ในส่วนของภาพรวมการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นในไทยเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียนนั้น เมืองไทยเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของความล้ำหน้าในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น โดยเฉพาะในส่วนของ CRM เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ซึ่งหากเจาะลงไปในอุตสาหกรรม จะเห็นว่าภาคธนาคารของไทยจะมีความก้าวหน้าที่สุดในเรื่องการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เพราะได้เริ่มทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นในด้าน CRM มาหลายปีแล้ว ขณะที่ธนาคารประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ยังอยู่ในขั้นตอนที่เพิ่งเริ่มได้ไม่นาน เช่น เวียดนาม ซึ่งบริษัทได้มีการเปิดออฟฟิศที่เวียดนามเรียบร้อยแล้วเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และมีลูกค้าจำนวนมาก

    ส่วนไฮไลท์การบริการหรือเทคโนโลยีที่เป็นซอฟต์แวร์ระดับโลก และเทรนด์เทคโนโลยีปี 2565 ทางด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ไม่ว่าจะเป็น Digital SQ, AI, Omni-Channel, AR, VR และ IoT ยังเป็นเทรนด์ที่สำคัญอยู่ จะเห็นมีการปรับปรุงบ้างแต่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก สิ่งที่เปลี่ยน คือ โมเดลธุรกิจ มากกว่า วิธีการที่แต่ละที่นำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตรงนี้เป็นจุดที่แตกต่าง และมองในเรื่องของความเร็ว จากเมื่อก่อนเทรนด์จะเกิดขึ้นใน 3-5 ปี แต่ปัจจุบันเกิดขึ้นเร็วขึ้นมาก ทำให้หลายองค์กรผลักดันการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเทคโนโลยีแบบเร่งด่วนขึ้น เพื่อตอบโจทย์การแข่งขันดิจิทัล

  • โชว์กลยุทธ์ดำเนินงาน 3 ส่วน

    ด้านกลยุทธ์การดำเนินงานของ BE8 แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.บุคลากร เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรในด้านเทคโนโลยี และความเข้าใจในการทำงานกับลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรมเป็นหลัก 2.ผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีที่บริษัทเลือกมาว่าจะใช้นวัตกรรมใดที่ดีที่สุด และลูกค้าได้ประโยชน์มากที่สุด รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และ 3.การให้บริการที่ครอบคลุม เพื่อเป็น One Stop Service สำหรับการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ซึ่งบริษัทต้องการอยู่กับลูกค้าในทุกขั้นตอนของการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ซึ่ง 3 ส่วนนี้ คือ รากฐานการสร้างความสำเร็จให้กับลูกค้า

    ขณะที่บริษัทวางแผนรับมือกับการทำธุรกิจดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว โดย BE8 เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเทค เพราะฉะนั้นเรื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยีอยู่ใน DNA ของบริษัท ซึ่งจะต้องไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา และการเรียนรู้ในทุกมิติ ส่งเสริมให้บุคลากรของบริษัทรักการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบริษัทมีวิธีที่จะช่วยให้บุคลากรพัฒนาจากพาร์ทเนอร์ของบริษัท โดยรวมบริษัทไม่ได้ทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ให้กับลูกค้าอย่างเดียว แต่บริษัททำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ให้ตัวเองด้วยเช่นกัน

  • ระดมทุนขายไอพีโอสยายปีกโต

    สำหรับเป้าหมายการเข้ามาระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทมีแผนลงทุน 3 ส่วน ประกอบด้วย 1. การขยายกิจการไปต่างประเทศ 2. การลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเองประมาณ 6 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากการที่บริษัทให้บริการลูกค้าองค์กรกว่า 100 ราย มากกว่า 250 โครงการ ทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้า และ 3. การลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจหรือธุรกิจอื่นที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจให้กับบริษัทได้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

    นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทั้งหมดแล้ว โดยจ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง

  • 6 เหตุผลที่นักลงทุนต้องซื้อหุ้น BE8

    นายอภิเษก กล่าวทิ้งทายถึงเหตุผลที่นักลงทุนต้องตัดสินใจเข้ามาลงทุนหุ้น BE8 ว่า มาจาก 1. บริษัทอยู่ในธุรกิจดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น หรือเทคโนโลยี ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง 2. บริษัทได้รับการยอมรับในระดับสากลทั้งจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ และมีบุคลากรที่มีความรู้ทางด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น มากกว่า 150 คน 3. โอกาสในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ 4. BE8 เป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในอาเซียนที่ Salesforce Ventures บริษัทระดับโลกเข้าร่วมลงทุนด้วย ช่วยผลักดันให้บริษัทเติบโตในภูมิภาคนี้ 5. บริษัทเป็นพันธมิตรกับระดับโลก นอกเหนือจาก Salesforce เช่น Google, MuleSoft, Snowflake และ Tableau ประกอบกับความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เป็นจุดที่บริษัทตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และ 6. ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 33% ต่อปี และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 45% ต่อปี