สำหรับวงการธุรกิจแล้ว “ลูกค้า” ถือเป็นตัวแปรตัวหนึ่งที่สำคัญที่สามารถส่งผลกระทบต่อองค์กรได้ในวงกว้างโดยเฉพาะด้านผลประกอบการ กลุ่มผู้ประกอบการจึงควรจะต้องพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างกลุ่มผู้ขายและลูกค้าเพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับตราสินค้าและองค์กรของตน กลุ่มพนักงานขายซึ่งเป็นเสมือนแนวหน้าขององค์กรจำเป็นต้องสังเกตพฤติกรรมของลูกค้าแล้วนำมาวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่าง ๆ อาทิ พฤติกรรมของลูกค้า ประวัติการซื้อ ความชอบ ฯลฯ เพื่อจัดทำกลยุทธ์ทางการตลาด แต่การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้โดยอาศัยมันสมองของมนุษย์ ย่อมมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ผลที่ได้อาจคลาดเคลื่อน จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องใช้เครื่องมือที่มีความเที่ยงตรง แม่นยำเข้ามาช่วย ได้แก่ การทำ CRM (Customer Relationship Management) หรือเรียกเป็นภาษาไทยว่า “การบริหารลูกค้าสัมพันธ์” ด้วยแพลตฟอร์ม Salesforce

Salesforce มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Salesforce Customer Success Platform”  หรือภาษาไทยเรียกว่า แพลตฟอร์มความสำเร็จของลูกค้า คือ แพลตฟอร์มที่ทำงานบนระบบคลาวด์ที่ดูแลในด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ รวมถึงการขาย การบริการ การทำตลาด และอื่น ๆ โดยเฉพาะ ซึ่งองค์กรยักษ์ใหญ่หลายๆ องค์กรล้วนยกให้ Salesforce เป็นอันดับ 1 ในด้าน Sales Cloud  ด้วยการทำงานอยู่บนคลาวด์นี้เอง จึงส่งผลให้มีความสะดวกสบายในด้านของการใช้งานที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ ทุกเวลาแบบเรียลไทม์ เพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น ที่สำคัญที่สุด ผู้ใช้งานสามารถใช้ฟังก์ชันที่มีอยู่ใน Salesforce ในการวิเคราะห์ข้อมูลภายในและภายนอกได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฟนที่ใช้กันอยู่ทุกวัน สะดวก รวดเร็ว ทันใจ เรียกใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา และยังเป็นระบบที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน แม้ผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านไอทีก็สามารถใช้งานได้ง่ายๆ เพียงแค่ Log in กรอกชื่อผู้ใช้งาน (Username) รหัสผ่าน (Password) และเข้าสู่ระบบเพื่อเข้าใช้งานเช่นเดียวกับการ Log in เข้าสู่สื่อสังคมออนไลน์ทั่วไป สามารถรองรับทั้งธุรกิจขนาดเล็กอย่าง SME ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ระดับโลก

ภายในระบบ Salesforce ประกอบด้วยข้อมูลจากกราฟ และข้อมูลบัญชีเชิงลึกที่อัปเดตแบบเป็นรายวินาที พนักงานทุกคนในองค์กรและผู้บริหารฝ่ายต่าง ๆ สามารถทราบทุกความเคลื่อนไหวของกิจกรรมและกระบวนการขายทั้งหมดด้วยฐานข้อมูลที่มีเอกภาพ สามารถนำไปปรับใช้กับการสร้างสรรค์กลยุทธ์การขาย แคมเปญ โปรโมชันต่าง ๆ ให้เข้ากับลูกค้าแต่ละรายได้เพื่อขยายธุรกิจขององค์กรได้อย่างแม่นยำ การตลาดอัตโนมัติในลักษณะนี้ยังช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ก่อน ทราบว่าลูกค้าเป้าหมายประเภทใดที่มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหรือบริการ หรืออาจแนะนำให้ลูกค้าเหล่านั้นได้พบกับพนักงานที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถปิดการขายได้สำเร็จ

ข้อดีของ Salesforce  ที่เห็นได้ชัดเจนอีกประการหนึ่งก็คือการเป็นเครื่องมือที่เชื่อมต่อกลุ่มพนักงานขายกับลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 บนเครือข่ายสังคม สร้างความสัมพันธ์ที่พิเศษและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เข้าใจความต้องการของลูกค้ามากขึ้น จัดเป็นการตลาดแบบตัวต่อตัวที่เป็นรูปแบบของการตลาดในอนาคต เป็นรูปแบบการตลาดที่มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย มุ่งเน้นที่ความชื่นชอบ รสนิยมเฉพาะของลูกค้า ดังนั้น ลูกค้าจึงมีสิทธิ์เป็นผู้กำหนดรูปแบบของสินค้าตามความต้องการของตน วิธีการตลาดในลักษณะนี้จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าถูกให้ความสำคัญ และแน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มพนักงานขายและลูกค้าจึงมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เพิ่มความภักดี ความมั่นคง และความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อองค์กรได้เป็นอย่างดี

ด้วยเหตุผลหลักๆ เหล่านี้ Salesforce จึงเป็นระบบ CRM ที่ครบถ้วนและทรงพลังมากที่สุดอีกแพลตฟอร์มหนึ่งที่องค์กรทุกขนาดไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง