นี่คือ 5 ตัวอย่างธุรกิจเฉพาะด้านว่า AI Copilot จะสามารถทำให้ชีวิตการทำงานของคุณง่ายขึ้นได้อย่างไร

เตรียมโลกให้พร้อม เมื่อผู้ช่วย AI อาจกลายเป็น BFF กับธุรกิจใหม่ของคุณ

ลองนึกภาพการเขียนอีเมลภายได้ใน 20 วินาทีแทนที่จะเป็น 20 นาที หรือการทำให้การค้นคว้าหาข้อมูลหลายชั่วโมงเสร็จภายในไม่กี่นาที และสามารถรับข้อมูลสรุปประวัติการบริการของลูกค้าได้โดยอัตโนมัติ ผลลัพธ์การประหยัดเวลาเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังของผู้ช่วย AI หรือ copilot นี่คือนวัตกรรมในขั้นถัดไปของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งคุณเพียงเเค่บอกกับ copilot ว่าต้องทำอะไรให้คุณในระหว่างกระบวนการทำงานของคุณ

ในขณะที่ผู้คนหลายร้อยล้านคนแห่กันไปที่แพลตฟอร์ม AI ในปีที่ผ่านมา AI copilot จะพาพวกเขาก้าวไปสู่อีกขั้นที่ไม่เคยมีมาก่อน คุณจะไม่เคยพบผู้ช่วยนี้บนเว็บไซต์ไหน โดยมันจะแสดงเป็นอินเทอร์เฟซ AI เเบบสนทนาได้ที่ผสานรวมเข้ากับขั้นตอนการทำงานในแต่ละวันของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) อีเมล หรือระบบอื่นๆ เฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมของคุณ

Copilot ทำให้คุณได้ประสิทธิผลมากขึ้นโดยการทำงานแทนคุณ ส่วนที่ดีที่สุด คือ คุณเพียงแค่บอกมันด้วยภาษาธรรมดาว่าคุณต้องการให้มันทำอะไรและมันก็จะทำให้คุณได้ในทันที ในปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้กับการขาย การบริการ การตลาด การค้าปลีก อุตสาหกรรมและภารกิจอื่นๆ อีกมากมาย หากคุณเป็นคนทำงานที่ต้องใช้ฐานข้อมูลเป็นหลัก (ใครก็ตามที่ทำงานเกี่ยวกับข้อมูล) AI copilot จะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณ

รายงาน โดยบริษัท Oliver Wyman Forum พบว่า 55% ของคนทำงานทั่วโลกใช้ Generative AI อยู่แล้วอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง แต่ก็ยังขาดประสิทธิภาพไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนกำลังมาถึง เมื่อ Generative AI สามารถรวมเข้ากับขั้นตอนการทำงานในแต่ละวัน รายงานคาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยผลักดันการเพิ่มประสิทธิภาพจำนวนมหาศาลไปสู่ความสามารถในการประหยัดเวลาได้ถึง 3 ล้านล้านชั่วโมงต่อปีภายในปี 2573

ดังนั้น เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทำงานให้สำเร็จได้อย่างไร? เช่นเดียวกับแพลตฟอร์ม AI หลักๆ Copilots จะใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เพื่อแยกวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลในไม่กี่วินาที แต่พวกเขาจะรับผลลัพธ์เพิ่มเติมโดยการปฏิบัติงานในนามของคุณ ด้วยฟังก์ชันการทำงานที่ไม่เคยมีมาก่อน AI copilots ได้รับการคาดหวังว่าสามารถเปลี่ยนทุกฟังก์ชันทางธุรกิจ โดยบริษัทหลายแห่งกำลังก้าวเข้ามาเป็นผู้ใช้งานกลุ่มแรกๆ

คุณอาจจะกำลังคิดว่า “ฉันจะใช้ copilot ในที่ทำงานได้อย่างไร” เพื่อช่วยตอบคำถามนี้ เราจะอธิบายวิธีการทั่วไปในการใช้ผู้ช่วย AI ในที่ทำงาน รวมถึงมาดูกันว่าบริษัทต่างๆ กำลังวางแผนล่วงหน้าโดยคำนึงถึงเทคโนโลยีนี้อย่างไร

ผู้ช่วย AI สำหรับพนักงานขาย

คุณ Andrew Russo สถาปนิกองค์กรของบริษัท Baca Systems ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์อุตสาหกรรม กำลังคิดถึงวิธีการต่างๆ มากมายในการใช้ผู้ช่วย AI อันดับแรกคือ: อีเมลการขาย “เราพบว่าพนักงานขายใช้เวลาถึง 20 นาทีในการเขียนอีเมลที่กำหนดเองหนึ่งฉบับถึงลูกค้า” เขากล่าว “ความสามารถในการส่งอีเมลออกไปได้มากขึ้นจะเป็นสิ่งที่ยิ่งมีมูลค่าสูงสำหรับเรา”

ลองนึกภาพทีมขายและการตลาดของคุณที่ติดตั้ง AI ในระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า(CRM )ซึ่งจะร่างอีเมลเฉพาะบุคคล ปรับแต่งด้วยข้อมูลที่จะโดนใจลูกค้าแต่ละราย ข้อความเหล่านี้ไม่ใช่ข้อความทั่วๆ ไป แต่ Generative AI สามารถใช้ข้อมูลของ CRM เกี่ยวกับการโต้ตอบในอดีต หรือแบ่งกลุ่มผู้ชมของคุณโดยอัตโนมัติเพื่อสร้างอีเมลที่ให้ความรู้สึกเฉพาะตัวที่สามารถเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมได้อย่างมาก

พนักงานขายยังสามารถใช้ copilot เพื่อจัดลำดับความสำคัญได้ อาทิ การเริ่มต้นวันใหม่ของคุณด้วยการขอให้ copilot ระบุโอกาสในการขายสามอันดับแรกให้กับคุณ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถทำเช่นนั้นได้ แถมยังให้บริบทได้อีกด้วย หรือเป็นคำถามที่ว่า ทำไมลูกค้าถึงมีแนวโน้มที่ดี? Generative AI สามารถให้สัญญาณล่าสุดจากบริษัทระบุให้เห็นได้ว่ามีแผนที่จะลงทุนในตลาดใหม่หรือขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย

เมื่อคุณติดต่อลูกค้าเป้าหมายได้แล้ว AI copilot จะสามารถสนับสนุนคุณโดยการสรุปการสนทนาและเน้นย้ำถึงความต้องการของลูกค้า ความชอบ และสัญญาข้อตกลงทั้งหมดที่ให้ไว้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างสรุปการขายที่สมบูรณ์โดยการรวมรายละเอียดการโทรเข้ากับข้อมูลบัญชีที่กว้างขึ้นและเก็บประวัติข้อมูลได้

ไม่รู้ว่าจะเลื่อนข้อตกลงให้คืบหน้าได้อย่างไร? AI copilot สามารถตรวจสอบรายชื่อติดต่อ อีเมลล่าสุด การโทร และการประชุมลูกค้าต่างๆ และแนะนำการดำเนินการขั้นถัดไปที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น หากผู้มีอำนาจตัดสินใจของลูกค้าพร้อมที่จะซื้อสินค้าเเล้ว Copilot อาจแนะนำเวลาที่เหมาะสมในการส่งข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของคุณให้พวกเขา

Copilot สามารถแนะนำเวลาประชุมที่เหมาะสมที่สุดได้ โดยอิงจากความต้องการที่ทราบจากลูกค้า จากนั้นจะสามารถ:

  • สร้างรายการสิ่งที่ต้องแนะนำ
  • ร่างอีเมลถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจ ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบก่อนส่งได้
  • ทำเครื่องหมายข้อตกลงเป็นเเบบปิดแล้วและอัปเดตโอกาสทางการขาย รวมถึงยอดขาย

การสนับสนุนแบบครบวงจรประเภทนี้แสดงถึงสิ่งที่เป็นไปได้เมื่อ AI copilot ของคุณสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดในองค์กรของคุณ แม้ว่าบริษัทหลายแห่งจะมีชุดข้อมูลที่แตกต่างกันถูกเก็บไว้ในแผนกต่างๆ แต่ผู้ที่สามารถนำข้อมูลประเภทต่างๆ จากแหล่งต่างๆ มาไว้ในระบบที่จัดระเบียบระบบเดียวกันได้จะได้รับประโยชน์เต็มที่จาก AI Copilots

ผู้ช่วย AI สำหรับทีมบริการ

หากคุณทำงานฝ่ายบริการลูกค้า หรือเคยโต้ตอบกับแผนกบริการลูกค้ามา คุณจะรู้ว่าแชทบอทไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ด้วย AI copilot คุณสามารถเพิ่มความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาได้ โดย AI copilot จะรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากที่สุดเกี่ยวกับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่แก้ไขปัญหากรณีต่างๆ ได้เร็วขึ้น ทำให้พวกเขามีเวลาแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้นได้

พิจารณาสถานการณ์นี้: ลูกค้าแจ้งว่าตนถูกเรียกเก็บเงินเกินจากค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ตรายเดือน ในกรณีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถขอให้ copilot ทำดังนี้ได้:

  • ดึงข้อมูลการเรียกเก็บเงินที่เกี่ยวข้องตามช่วงวันที่ที่ลูกค้าให้ไว้
  • รับใบสั่งซื้อและเงื่อนไขสัญญาสำหรับการสมัครสมาชิก
  • เปรียบเทียบว่าการเรียกเก็บเงินในช่วงเวลานี้สูงกว่าเท่าใดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
  • รวบรวมข้อมูลการใช้ผลิตภัณฑ์และวิเคราะห์ว่ามีการใช้งานเพิ่มขึ้นหรือไม่
  • ดูว่าราคาหรือเงื่อนไขสัญญามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
  • สร้างข้อเสนอสำหรับวิธีแก้ไขปัญหา

ในอดีต การรวบรวมข้อมูลนี้จำเป็นต้องมีตัวแทนในการเข้าถึงระบบหรือแผนกต่างๆ มากมาย ซึ่งต้องใช้เวลามากและในหลายกรณีก็ทำให้ลูกค้าและตัวแทนหงุดหงิดได้

ผู้ช่วย AI สำหรับการบริการตนเองของลูกค้า

ข้อเท็จจริงคือ: ลูกค้าอาจไม่ต้องการโทรหาคุณเพื่อถามคำถามตามปกติ งานวิจัยของSalesforce แสดงให้เห็นว่าลูกค้า 57% ต้องการติดต่อกับบริษัทผ่านช่องทางดิจิทัลต่างๆ เช่น ข้อความและการแชท สำหรับปัญหาทั่วไป เช่น การตรวจสอบสถานะคำสั่งซื้อหรือการเปลี่ยนที่อยู่ทางไปรษณีย์

AI copilot จะทำให้การสื่อสารระหว่างกันเหล่านี้ดีขึ้นได้อย่างไร แทนที่จะให้ลิงก์เพื่อช่วยลูกค้าให้เสร็จสิ้นไป เช่น เดียวกับที่แชทบอทหลายๆ อันทำอยู่ในปัจจุบัน ผู้ช่วย AI สามารถให้บริการข้อมูลส่วนบุคคลที่ดึงมาจากคลังข้อมูลกลางของคุณ ข้อมูลลูกค้าและแหล่งข้อมูลอื่นๆ สิ่งนี้จะทำให้ระบบการบริการตนเองมีความลึกซึ้งมากขึ้น พร้อมความสามารถในการสนทนาที่เหมือนกับการสนทนาระหว่างมนุษย์ด้วยกัน

เนื่องจาก copilot สามารถดึงข้อมูลจากทั่วทั้งองค์กรของคุณ จึงสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับคำสั่งซื้อได้ (สินค้าจะมาถึงเมื่อใด คุณสามารถเปลี่ยนที่อยู่สำหรับจัดส่งได้หรือไม่) และข้อมูลบัญชีลูกค้าเฉพาะ (การชำระเงินครั้งต่อไปของฉันจะครบกำหนดเมื่อใด) นอกจากนี้ยังสามารถดำเนินการที่ก่อนหน้านี้ต้องใช้เเรงมนุษย์ เช่น การปิดบัญชี

ผู้ช่วย AI สำหรับผู้ค้าปลีก

แบรนด์ต่างๆ ใช้เทคโนโลยีเพื่อเเนะนำผลิตภัณฑ์มานานหลายปีแล้ว แต่ยังขาดรายละเอียดและความเป็นส่วนบุคคลตามที่ลูกค้าคาดหวัง AI copilot จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีเหล่านี้ให้ดีขึ้น

ตอนนี้ ลูกค้าสามารถป้อนข้อความง่ายๆ เช่น “แนะนำชุดเดรสสีชมพูแขนสั้นสำหรับฉันเพื่อใส่ไปงานแต่งงานในเดือนมิถุนายน” บนเว็บไซต์ของผู้ค้าปลีก และรับตัวเลือกที่เกี่ยวข้อง เบื้องหลังคือ ผู้ช่วย AI กำลังใช้ความรู้ในภาษาธรรมชาติ (natural-language) เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่นักช้อปได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยวิธีนี้ AI Copilot สามารถทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกทางดิจิทัลได้ ช่วยให้ลูกค้าค้นพบผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบโดยมีความยุ่งยากน้อยที่สุด สมมติว่าลูกค้าเป็นนักช้อปที่รู้จัก Copilot จะใช้โปรไฟล์ของลูกค้าที่มีอยู่เพื่อทำความเข้าใจจุดประสงค์ของพวกเขา และให้คำแนะนำจากข้อมูลการซื้อในครั้งก่อนๆ สิ่งที่สนใจต่างๆ และบันทึกการใช้บริการ ตัวอย่างเช่น ระบบจะไม่ส่งการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกับสินค้าที่ลูกค้าเคยส่งคืนในอดีต AI copilot ยังเป็นผู้เปลี่ยนเกมสำหรับทีมค้าปลีกอีกด้วย มันสามารถทำให้งานที่ซับซ้อนกลายเป็นงานอัตโนมัติได้ เช่น การจัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์บนแค็ตตาล็อกหลายรายการ และปรับแต่งการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ในแบบของคุณได้ เพียงแค่บอก copilot ให้ทำงานเหล่านั้น พวกมันยังสามารถประดิษฐ์คำอธิบายผลิตภัณฑ์โดยอิงจากข้อมูลในอดีตที่แสดงให้เห็นว่าสำเนาใดบ้างที่แปลงได้ดีในอดีต พร้อมทั้งเขียนคำอธิบายผลิตภัณฑ์นั้นในหลายภาษา

ล่าสุดรายงาน สถานะทางธุรกิจ พบว่า แม้ว่าการนำ AI มาใช้นั้นเพิ่งเกิดขึ้นในองค์กรค้าปลีก แต่ผู้ที่นำ AI มาใช้ในช่วงแรกๆ สามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 6.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตัวอย่างเช่น นักการตลาดสามารถประหยัดเวลาได้อย่างมาก โดยขอให้ copilot สร้างโปรโมชันแบบกำหนดเป้าหมายในการขายรองเท้าเดินป่าสำหรับสมาชิกโปรแกรมสะสมคะแนน

ผู้ช่วย AI สำหรับนักการตลาด

ทีมการตลาดต้องใช้เวลามากมายในการวิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ ทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า พัฒนากลยุทธ์ส่วนเเบ่งทางการตลาด และสร้างตำแหน่งทางการแข่งขัน พวกเขายังลงทุนอย่างลึกซึ้งในการสร้างเนื้อหาเพื่อปรับแต่งข้อความให้เป็นแบบส่วนบุคคล

ลองนึกภาพว่าผู้ช่วยที่เชื่อถือได้สามารถทำงานนั้นให้คุณได้หรือไม่ คุณสามารถขอให้ผู้ช่วย AI ของคุณทำสิ่งเหล่านีได้ :

  • วิเคราะห์ข้อมูลประวัติลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อระบุกลุ่มให้แคบลง และปรับแต่งข้อความทางการตลาดให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น
  • เขียนคำโฆษณาการตลาดเฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม
  • ติดตามและทำความเข้าใจว่าลูกค้าของคุณมีส่วนร่วมกับคุณอย่างไรในทุกขั้นตอนของความสัมพันธ์ จากนั้นแนะนำการดำเนินการขั้นถัดไปที่ดีที่สุด
  • ใช้ข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่เพื่ออนุมานหัวข้อและช่องทางที่ลูกค้าต้องการ จากนั้นปรับแต่งผลิตภัณฑ์ บทความ และข้อมูลอื่น ๆ ที่พวกเขาจะเห็นได้
  • ทำความเข้าใจว่าลูกค้าต้องการรับการสื่อสารอย่างไร และอะไรคือสิ่งที่พวกเขาสนใจ รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญของประเภทข้อความและเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ผู้ช่วย AI = วันทำงานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน

AI สามารถทำงานซ้ำๆ โดยอัตโนมัติ ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลจากทุกแผนก ในขณะนี้ผู้ช่วย AI ทำให้เราอยู่ในจุดเปลี่ยนด้านประสิทธิภาพการทำงานที่คล้ายคลึงกับวิธีที่ PCs ปฏิวัติวิธีที่ผู้คนจัดการกับงานต่างๆทางธุรกิจและการสื่อสาร

การค้นพบความก้าวหน้าในขณะนี้ทวีคูณเป็นสองเท่า:

  • ผู้ใช้งานทางธุรกิจสามารถสอบถามสิ่งที่ต้องการจาก AI copilot ได้ Copilot จะทำงานเบื้องหลัง ซึ่งสามารถให้คำตอบภายในไม่กี่วินาที และดำเนินการให้สอดคล้องกันได้
  • ด้วยโปรโตคอลที่เหมาะสมและระบบที่รวดเร็ว คำตอบในเสี้ยววินาทีที่คุณได้รับจาก copilot จะมีพื้นฐานอยู่ในธุรกิจ ข้อมูลจากทั่วทั้งองค์กรของคุณไม่ใช่แค่ระบบการขาย การตลาด หรือการบริการลูกค้า การดำเนินการต่างๆที่สร้างขึ้นสำหรับ copilots เพื่อเข้าถึงข้อมูลธุรกิจทั้งหมดนี้ได้ รวมถึงข้อมูลที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ เช่น PDFs เว็บเพจ และอีเมล

ผู้ช่วย AI คือ "การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแนวคิดที่ว่าผู้คนคิดว่าเราจะทำให้พวกเขาออกจากงานโดยอัตโนมัติ เเต่เพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเรากำลังช่วยให้พวกเขาปิดการขายได้มากขึ้น และให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้นมากกว่า"

ไม่ใช่แค่การเร่งงานกระบวนการทำงานแบบทั่วไปให้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดนิยามใหม่ให้กับสิ่งที่คุณสามารถบรรลุผลสำเร็จในการทำงานในแต่ละวันอีกด้วย