ในโลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันสำหรับองค์กรต่างๆ ในประเทศไทย ท่ามกลางเครื่องมือและโซลูชัน AI ที่หลากหลาย "AI Agents" ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีที่โดดเด่น ด้วยความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วางแผน และดำเนินการงานต่างๆ ได้อย่างอิสระ AI Agents พร้อมที่จะปฏิวัติวิธีการดำเนินธุรกิจขององค์กรในทุกขนาดและทุกอุตสาหกรรม

บทความนี้เขียนมาจากประสบการณ์จริงของทีม Beryl 8 Plus ซึ่งได้ร่วมพัฒนาและวางระบบ AI Agents ให้กับองค์กรไทยหลากหลายขนาดและอุตสาหกรรม สิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อจากนี้ ไม่ใช่เพียงแนวคิดตามตำรา แต่คือแนวทางที่เราเห็นว่า “ใช้ได้จริง” และ “สร้างผลลัพธ์ได้จริง”

เราขอแบ่งปันวิธีคิดและกระบวนการที่เราใช้ในการเสริมพลังองค์กรด้วย AI Agents ผ่านแนวทาง AI Agents Enablement Approach ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก เพื่อช่วยให้องค์กรของคุณสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

AI Agents Enablement Approach : 3 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ

1. AI Discovery: ค้นหาและระบุ Use Case ทางธุรกิจ

จุดเริ่มต้นของการนำ AI Agents มาใช้คือการทำความเข้าใจถึงความต้องการและ Pain Point ขององค์กร ในขั้นตอนนี้ เราจะทำการระบุ Use Case ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ด้าน AI ขององค์กร โดยมีแนวทางดังนี้:

  1. Ideation: ระดมความคิดเพื่อค้นหา Use Case ที่ AI Agents สามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้
  2. Assessment: ประเมิน Use Case ที่ได้มาโดยพิจารณาจากมูลค่าทางธุรกิจและความซับซ้อนในการนำไปใช้งาน
  3. Prioritization: จัดกลุ่ม Use Case ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และจัดลำดับความสำคัญตามกลยุทธ์ขององค์กร โดยใช้เครื่องมือเช่น AI Prioritization Matrix เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
    สำคัญ: ขั้นตอนนี้อาจมีการย้อนกลับไปทบทวนและปรับปรุง Use Case ในขั้นตอน Assessment ได้ เพื่อให้มั่นใจว่า Use Case ที่เลือกมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร
  4. Execution: นำ Use Case ที่ผ่านการพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญแล้ว ไปสู่ขั้นตอนการพัฒนา AI Agent ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการนั้นและใช้งานจริง (Production Stage)

2. AI Development & Operations: ออกแบบ พัฒนา ทดลอง และใช้งาน AI Agent

เมื่อได้ Use Case ที่มีความเหมาะสมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพัฒนาและนำ AI Agents ไปใช้งานจริง ในส่วนนี้จะประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอน

  1. Design AI Agent Solution: ออกแบบสถาปัตยกรรมของ AI Agent ทั้งในด้านการทำงาน การไหลเวียนของข้อมูล และปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งาน เพื่อให้ตอบโจทย์ Use Case ที่ระบุไว้ ในขั้นตอนนี้ การเลือกประเภทของ AI Agent ให้เหมาะสมกับงานเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีประเภทหลักๆ ดังนี้:
    • Solo Agents: เหมาะสำหรับงานอัตโนมัติที่มีขั้นตอนเดียว เช่น การคัดแยกอีเมล
    • Orchestrated Agents: เหมาะสำหรับกระบวนการตัดสินใจที่มีโครงสร้างและขั้นตอนที่ชัดเจน เช่น ระบบอนุมัติสินเชื่อ
    • Multi-Agent Collaboration: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยให้ AI Agents หลายตัวทำงานร่วมกัน เช่น ระบบประมวลผลเอกสารที่ Agent หนึ่งดึงข้อความ และอีก Agent ตรวจสอบความถูกต้อง
    • Agent-to-Agent Handoff: เหมาะสำหรับการมอบหมายงานต่อกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล เช่น ระบบบริการลูกค้าที่ Chatbot โอนสายไปยัง Agent ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะเมื่อจำเป็น
    • Human-in-the-Loop: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการตรวจสอบจากมนุษย์ในบางขั้นตอน เช่น การวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ AI ช่วยวิเคราะห์อาการ แต่แพทย์เป็นผู้ยืนยันผล
  2. Develop AI Agent Solution: สร้างและพัฒนา AI Agent ตามการออกแบบที่ได้กำหนดไว้ โดยอาจใช้แพลตฟอร์มสำเร็จรูปเพื่อลดระยะเวลาพัฒนา เช่น BE8 AI Agentic Platform แพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่น รองรับการเชื่อมต่อกับช่องทางต่างๆ ทั้ง Voice และ Non-Voice รวมถึงสามารถตั้งค่าเป้าหมาย คำสั่ง และเครื่องมือต่างๆ ได้ผ่านหน้าจอผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังมีระบบจัดการความรู้ที่ฝังอยู่ในตัว เพื่อช่วยให้ Agent ตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  3. Launch Pilot AI Agents: ทดลองใช้งาน AI Agents ในสภาพแวดล้อมจริงในขอบเขตที่จำกัด เพื่อประเมินประสิทธิภาพและผลลัพธ์
  4. Operate AI Agents: ใช้งาน AI Agents ในองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อ AI Agents ได้รับการออกแบบ ทดสอบ และปรับปรุงจนมั่นใจในประสิทธิภาพแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำไปใช้งานจริงในกระบวนการทำงานขององค์กรอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การเปิดใช้งานเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงการวางแผนและเตรียมความพร้อมในหลายด้าน เช่น การฝึกอบรมพนักงาน การปรับกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับระบบใหม่ และการสื่อสารให้บุคลากรเข้าใจบทบาทและคุณค่าของ AI Agents ในบริบทของงานจริง นอกจากนี้ การดำเนินงานยังต้องมีการดูแลรักษาและปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ AI Agents สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา

3. Loop Feedback: ปรับปรุงและพัฒนา AI Agent อย่างต่อเนื่อง

การทำงานของ AI Agents ไม่ได้หยุดอยู่แค่การนำไปใช้งาน แต่ต้องมีการเก็บข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนา AI Agent ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การปรับปรุงนี้อาจรวมถึงการปรับ Algorithm การเพิ่มข้อมูลในการเรียนรู้ หรือการเปลี่ยนแปลงการออกแบบเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

Beryl 8 Plus พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่ร่วมคิด ร่วมวางแผน ตั้งแต่ก้าวแรก

เพราะเราเข้าใจดีว่าการนำ AI Agents มาใช้ในองค์กรไทยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสในการเติบโต เราจึงพร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดและผู้ช่วยของคุณในทุกขั้นตอนของการนำ AI Agents ไปใช้งานจริง ด้วยบริการที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรคุณ:

  • เริ่มต้นอย่างมั่นใจด้วย AI Discovery: เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะทำงานร่วมกับคุณอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การจัด Interactive Workshops เพื่อค้นหาและระบุ Use Case ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ไปจนถึงการช่วยคุณจัดลำดับความสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะเริ่มต้นในทิศทางที่ถูกต้องและสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
  • ต่อยอดสู่ความสำเร็จด้วย AI Solution: เราไม่ได้มีแค่คำแนะนำ แต่เรายังช่วยคุณลงมือทำจริง ด้วยโซลูชันการนำ AI Agents และระบบ Automation อัจฉริยะอื่นๆ มาใช้ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมศักยภาพให้กับทีมงานของคุณ เรามี Components Framework และโซลูชัน AI เฉพาะอุตสาหกรรมที่พร้อมใช้งาน ช่วยให้คุณพัฒนาและนำ AI ไปใช้ได้รวดเร็ว ลดระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์

พร้อมเริ่มต้นหรือยัง? ติดต่อเราเพื่อร่วมออกแบบอนาคตขององค์กรคุณไปกับ AI Agents ที่ใช่ ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Beryl 8 Plus ที่อยู่เคียงข้างคุณในทุกก้าวของการเปลี่ยนแปลง คลิก!