นักการตลาดไม่เคยมีจำนวนข้อมูลมหาศาลขนาดนี้มาก่อน ในขณะเดียวกัน ก็มีเครื่องมือเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ในการจัดการและใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้น ตอนนี้เราสามารถใช้เทคโนโลยีการตลาดในรูปแบบใหม่ๆได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าการผลลัพธ์ที่ทำนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งธุรกิจและลูกค้า

อย่างไรก็ดีบางทีคำถามที่น่ากลัวที่สุดคือการทำอย่างไรให้ข้อมูลจากต่างๆที่ไม่ได้เชื่อมต่อเข้าด้วยรวมกันได้ จากรายงานล่าสุดของ State of Marketing นักการตลาดทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนวางแผนที่จะใช้แหล่งข้อมูลมากขึ้น 50%-55% ในปี 2022 มากกว่าในปี 2020 การจัดการแหล่งข้อมูลเหล่านี้จะกลายเป็นความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

ในอดีต นักการตลาดได้จัดการข้อมูลผ่านระบบลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) และแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล (DMP) แต่ไม่นานมานี้ นักการตลาดได้เริ่มใช้แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า (CDP- Customer Data Platform) ที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยรวมข้อมูลรูปแบบใหม่ได้ ซึ่งต่างจาก DMP ที่เน้นการจัดการข้อมูลลูกค้าที่ไม่ระบุตัวตน CDP เป็นแพลตฟอร์มที่เกี่ยวกับโปรไฟล์ลูกค้าแต่ละราย ซึ่งอันที่จริงแล้ว CDP เป็นเทคโนโลยีที่ทรงพลังและสามารถปรับแต่งได้หลากหลาย ซึ่งจะช่วยให้นักการตลาดสามารถเข้าใกล้ทั้งเป้าหมายขององค์กรและลูกค้าแต่ละรายมากขึ้น

ก่อนที่เราจะพูดถึงสาเหตุที่ทำให้ CDP เป็นที่นิยมมากขึ้นหรือมีบทบาทในกลุ่มเทคโนโลยีการตลาด เรามาพูดถึงความคาดหวังของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากันก่อนดีกว่า

การตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า

ตอนนี้ลูกค้าตระหนักถึงคุณค่าของข้อมูลและติดตามดูการใช้งานของข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นความไว้วางใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้บริโภคในโลกยุคใหม่

เป็นที่ทราบกันดีว่าข้อมูลลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ แล้วทำไมความไว้วางใจในปัจจุบันจึงน่ากังวลมากกว่าเดิม? คำตอบส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Google และ Apple ได้นำมาใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและการขอความยินยอม และเพื่อทำให้เรื่องมันยิ่งซับซ้อนขึ้น การใช้คุกกี้จากองค์กรบุคคลที่สามกำลังใกล้จะหมดไป ผนวกกับกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวก็ยังคงเข้มงวดขึ้นทั่วโลก

ในวันนี้ แบรนด์ต่าง ๆ ที่รับรองความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ในขณะที่ก็ยังให้ความ personalization กับลูกค้า แน่นอนว่าแบรนด์ที่ยังสามารถมอบประสบการณ์ตรงนี้ได้ย่อมประสบความสำเร็จอย่างมากแน่นอน เพราะผู้บริโภคในตอนนี้ต้องการทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลของตน แต่ยังต้องการได้รับข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจงและตรงใจทุกครั้ง

การเพิ่มขึ้นของการเข้าถึงข้อมูลของบุคคลแบบ first-party data (Data ที่เก็บสะสมไว้ด้วยตัวเองจากลูกค้าในช่องทางต่าง ๆ ของคุณ) ทำให้มีการปรับเปลี่ยนเป็นส่วนตัวมากขึ้น และนั่นจะมาพร้อมกับคำมั่นสัญญาที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต แล้วแบรนด์จะจัดการข้อมูลนี้และสร้างความสัมพันธ์ที่เปิดกว้างและเป็นประโยชน์ร่วมกันกับผู้บริโภคได้อย่างไร?

Customer data platform จะช่วยเชื่อมโยงทั้งหมดได้อย่างไร?

อันดับแรก เรามาอธิบายแบบกว้างๆ ว่า CDP ทำอะไรได้บ้าง องค์กรส่วนใหญ่มีระบบที่แยกกัน (Silo) นั่นทำให้นักการตลาดต้องดูข้อมูลลูกค้าแต่ละรายอย่างสะเปะสะปะ ซึ่ง CDP จะช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากระบบต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายเป็นโปรไฟล์ลูกค้าที่สมบูรณ์ แม่นยำ และนำไปใช้ต่อได้ง่าย

สิ่งนี้ทำให้นักการตลาดมีข้อมูลโปรไฟล์ลูกค้ามากขึ้นที่สามารถใช้งานได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้าม และ CDP ไม่เป็นเพียงแต่การช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นหนึ่งเดียว แต่ยังช่วยเพิ่มความเร็วในการปรับใช้แคมเปญการตลาดได้อีกด้วย

การรวบรวมข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่ได้ขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโต การเข้าถึงโปรไฟล์ลูกค้าที่ลงลึกและสมบูรณ์เป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งหมดนั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส โดย CDP สามารถขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกให้ทรงพลังและนำไปใช้ได้จริง คุณสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์ในการทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมและปรับเปลี่ยไปแบบของคุณ สิ่งนี้เป็นไปได้ด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีซึ่งรวมไปถึง แมชชีนเลิร์นนิ่ง(AI), data visualization และ predictive analytics

วิธีหนึ่งในการใช้ประโยชน์จากพลังของ CDP คือ การเพิ่มมูลค่าของโปรแกรม Loyalty ผ่านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและการตอบสนองของลูกค้า CDP จะช่วยให้คุณเห็นภาพใหญ่ และสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายจากโปรไฟล์ลูกค้าแต่ละรายที่คล้ายคลึงกันได้

เมื่อไหร่ที่ควรลงทุนใน Customer Data Platform?

คำตอบสำหรับคำถามนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของกลยุทธ์การใช้งานของคุณ คุณไม่สามารถเพียงแค่เลือกผลิตภัณฑ์ เชื่อมต่อกับข้อมูลจาก 2-3 แหล่ง และหวังให้เทคโนโลยีทำงานให้คุณ

องค์กรของคุณจำเป็นต้องมีลิสต์คำถามเหล่านี้ เพื่อตอบคำถามว่าคุณลงทุนไปเพื่ออะไรและคาดหวังอะไร?:

  • เป้าหมายสูงสุดคืออะไร?
  • อะไรคือเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นระหว่างการไปสู่เป้าหมาย?
  • มีกรอบเวลาการทำงาน?
  • กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจหรือไม่?

เมื่อคุณรู้ว่าเป้าหมายที่ต้องการจะบรรลุคืออะไร คุณก็สามารถทำงานย้อนกลับและใช้กลยุทธ์ที่จะพาคุณไปสู้เป้าหมายนั้นได้

สิ่งสำคัญพอๆกับการทำงานเพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือ การได้เข้าใจจุดเริ่มต้นอย่างมั่นคง ยิ่งคุณเข้าใจสถานะปัจจุบันขององค์กรของคุณมากเท่าใด ข้อกำหนด CDP ของคุณจะยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น จากนั้นคุณจะสามารถตั้งข้อมูลที่มีอยู่ กระบวนการ เทคโนโลยี หรือช่องว่างระหว่างบุคคลได้

เมื่อคุณได้กำหนดลำดับความสำคัญและได้อธิบายตัวชี้วัดความสำเร็จของคุณแล้ว คุณจะเข้าสู่เส้นทางใหม่ของ ROI ในขณะเดียวกันก็มุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อการเติบโตต่อไป

ยิ่งคุณลงทุนให้กับ CDP มากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งได้รับประโยชน์จากมันมากขึ้นเท่านั้น นั่นหมายถึงยิ่งคุณเรียนรู้เกี่ยวกับความสามารถของระบบที่มีมากมายเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งประสบความสำเร็จมากเช่นกัน

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ Sales Team ของเราได้ที่: https://www.beryl8.com/en/contact-us