เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน ผู้นำทางธุรกิจจำเป็นต้องมีการวางแผนการทำงานอย่างถี่ถ้วน การรักษาความได้เปรียบทางการตลาดไว้นั้นอาศัยการมากกว่าแค่การวางแผนตารางการทำงานและสถานที่ทำงานเท่านั้น “วิธีการทำงาน” ได้กลายเป็นส่วนสำคัญยิ่งกว่าเวลาและสถานที่ที่ใช้ทำงาน ไม่ว่าผู้นำทางธุรกิจจะต้องการกระตุ้นรายได้, ลดรายจ่าย หรือกระจายความเสี่ยงทั่วทั้งธุรกิจก็ตาม

บริษัทที่ริเริ่มนวัตกรรมเพื่อเสริมด้านวิธีการทำงานนั้นจะมีข้อได้เปรียบทางธุรกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการ ทั้งความคาดหวังใหม่, กระบวนการใหม่ รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วย

กุญแจไขสู่ความสำเร็จใน ก็คือ การยกระดับเครื่องมือการจัดการการทำงานร่วมกัน (CWM) ที่ก้าวล้ำไปกว่าการจัดการที่เน้นทีมเป็นศูนย์กลาง ไปสู่แพลตฟอร์มที่มีความสอดคล้อง และเชื่อมต่อกันสำหรับการจัดการงานตามสเกล และนี่คือสิ่งที่ผู้นำทางธุรกิจต้องพิจารณาเมื่อทำการประเมิน หรือทำการทบทวนการใช้งานเครื่องมือการจัดการการทำงานร่วมกัน

การทำงานร่วมกันข้ามสายงานกลายเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน

ในยุคนี้การสื่อสารที่ดีเป็นขั้นพื้นฐานในการทำธุรกิจ การแลกเปลี่ยนข้อมูลนั้นทำได้ง่ายขึ้นมาก เครื่องมืออย่าง Microsoft Teams, Slack, และ Zoom ช่วยให้เกิดการพูดคุย และเพิ่มช่องทางที่หลากหลายเพื่อใช้ในการตัดสินใจ แต่อาจจะไม่เหมาะกับการใช้จัดโครงสร้าง, ทำเป็นระบบอัตโนมัติ หรือรายงานการทำงานต่างๆ

พนักงานต้องการเครื่องมือการทำงานที่จะใช้แลกเปลี่ยน, จัดระเบียบ และปรับโครงสร้างข้อมูลตามเนื้อหางาน พวกเขาต้องทำงานร่วมกัน จึงจะสามารถประสบความสำเร็จและรายงานผลประกอบการออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องสร้างผลงานที่ก่อให้เกิด Insights เพื่อที่จะแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับงานในอนาคต หรือแม้กระทั่งลดต้นทุนของโปรเจคที่คล้ายกันต่อไปอีกด้วย

บ่อยครั้งที่คนเรามักจะพยายามแก้ไขปัญหาเพื่อศักยภาพในระดับทีมเท่านั้น แต่ปัจจุบันโอกาสในการทำงานร่วมกันได้ขยายไปนอกเหนือระดับทีมแต่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร ในการปลดล็อคมูลค่าที่แท้จริงของการทำงานนี้ แพลตฟอร์มจัดการงานจะต้องทำงานได้มากกว่าแค่ระดับทีม แต่ต้องสามารถนำทุกคน ทั้งผู้ที่ทำงานอยู่ภายใน และกับองค์กรเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

ทุกคนต้องทำงานร่วมกันกับกลุ่มขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลายทางความสามารถ โดยมักจะมีการทำงานข้ามสายงานกันเป็นปกติ การทำงานร่วมกันไม่ได้จำกัดเฉพาะเพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่ขยายขอบเขตทั่วทั้งองค์กร รวมไปถึง ลูกค้า, พาร์ทเนอร์ และเหล่าผู้ขาย อย่างไรก็ตามเครื่องมือ CWM จำกัดการใช้งานโมเดลเป็นแบบสมัครสมาชิก จะใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มีส่วนร่วมงานที่จ่ายค่าสมาชิกแล้วเท่านั้น ซึ่งผู้นำที่เลือกแพลตฟอร์มที่สามารถยกกำแพงการทำงานร่วมกันออกได้ จึงจะมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน

ผู้นำธุรกิจควรมองหาแพลตฟอร์มที่สามารถรองรับปริมาณงานได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ยังคงไว้ซึ่งความเข้าใจและเป็นประโยชน์ต่อพนักงานทุก ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นงานเทคนิคชั้นสูง หรือผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านการตลาด, การบริการ, การดำเนินงาน, การขาย, การเงิน และอื่นๆ การมีภาษาที่ใช้สื่อสารร่วมกันได้คือข้อได้เปรียบอย่างมาก ในอดีตที่ผ่านมาภาษาที่ใช้ทั่วไปนั้นถูกจำกัดไว้ในเครื่องมือการผลิตขั้นพื้นฐานอย่างวิดีโอ, การส่งข้อความ, เครื่องมือการเขียน แต่ใน 5 ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อที่จะขับเคลื่อนให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด เครื่องมือการทำงานร่วมกันอย่าง แพลตฟอร์ม CWM จะช่วยมอบภาษาที่มีโครงสร้างมาตรฐานมูลค่าสูงขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว

การจัดการงานไม่ได้เป็นเพียงแค่การจัดการอย่างเดียวอีกต่อไปแต่คือการผลักดันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีความหมาย

ในปีนี้จึงมีองค์กรจำนวนมากขึ้นที่หันมาลงทุนใน CWM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร ประสิทธิภาพรายบุคคลที่สามารถมอบคุณค่าเพิ่มให้ธุรกิจนั้นมีจำกัด ในขณะที่งานต่างๆ ต้องการการเชื่อมต่อกันยิ่งขึ้น การผลิตจำต้องมีความเป็นระบบมากขึ้นเพื่อให้องค์กรอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการวางแผนจัดการกับโปรแกรมมูลค่าสูงต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำจะต้องมุ่งเน้นไปที่การช่วยให้ผู้คนที่กำลังจัดการกับงานทั้งหลายอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ผู้จัดการโครงการ, ผู้จัดการโปรแกรม, หรือผู้ปฏิบัติงานทั่วไป เมื่อผู้ที่รับผิดชอบกับงานโดยตรงได้รับอำนาจในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ พวกเขาก็จะมอบผลลัพธ์แบบทวีคูณซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กรได้

ทั้งนี้ผู้นำควรมองหา Insights จากงานที่ดำเนินการเสร็จแล้ว เพื่อสร้างทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพในการปรับใช้ในโปรแกรม หรือนวัตกรรมชิ้นต่อไปด้วย เนื่องจากธุรกิจนั้นบีบให้เราต้องใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่าสูงสุด บริษัทจำนวนมากจึงต้องการเชื่อมโยงงบประมาณกับการวางแผนไปจนถึงการดำเนินการ - และทำการลงทุนกับนวัตกรรมที่จะมอบผลตอบที่คุ้มความเสี่ยงมากที่สุด การสเกลและผลกระทบต่าง ๆ จะถูกประเมินจากจำนวนผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มน้อยลง แต่จะเป็นการประเมินจากระดับความสามารถของแพลตฟอร์มในการปลดล็อกโอกาสที่มีมูลค่าสูงได้แทน

การปลดล็อคคุณค่าที่มาจากการริเริ่มธุรกิจอันซับซ้อนในระดับสูงนั้น เป็นมากกว่าการเชื่อมโยงผู้คนบนแพลตฟอร์ม สิ่งนี้ต้องการการดำเนินการที่สอดคล้องกัน - และความสามารถในการทำตามระบบที่ถูกต้องอีกครั้งโดยไม่ต้องเริ่มสร้างกันใหม่ตั้งแต่ต้น พนักงานสามารถบรรลุสิ่งนี้ได้ผ่านการจัดการ Portfolios ที่เปิดใช้งานการรายงานแบบสอดคล้องกันพร้อมด้วยการควบคุมการดำเนินงานและการทำให้เป็นอัตโนมัติ รวมถึงความสามารถในการเปลี่ยนแปลง Portfolios ทั้งหมดในครั้งเดียว ทำให้เกิดความโปร่งใสตลอดภายในการดำเนินธุรกิจ และช่วยเร่งความเร็วในการตัดสินใจระดับผู้นำเพิ่มขึ้น

ความปลอดภัยและการกำกับดูแลมีจุดยืนเดียวกันในการเร่งสร้างมูลค่านวัตกรรม

ต่อไปนี้การเพิ่มความเร็วให้ซอฟต์แวร์แค่อย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป ธุรกิจทุกแขนงจำเป็นและควรที่จะมีมาตรฐานความปลอดภัย และการกำกับดูแลที่ตรงกับความต้องการ เพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นทั้งในตอนนี้และในภายภาคหน้า การควบคุมดูและและรักษาความปลอดภัยระดับสูง คือพื้นฐานที่องค์กรขนาดใหญ่ใช้ดำเนินการ และปกป้องข้อมูลของผู้ร่วมงาน และลูกค้าทุกคน ซึ่งบริษัทต่างๆ ทุกขนาดก็เริ่มหันมาให้ความสนใจกับการปกป้องธุรกิจของพวกเขาต่ออันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตกันมากขึ้น

ขณะที่ภัยคุกคามด้านความปลอดภัยมีจำนวนสูงขึ้นและพัฒนาไปอีกขั้น ผู้นำทางธุรกิจก็ควรวางตำแหน่งพนักงานให้ดียิ่งกว่าเดิมเพื่อรักษาความปลอดภัยแนวหน้า โดยกระบวนการดังกล่าวไม่ควรตกเป็นหน้าที่ของฝ่าย IT เพียงอย่างเดียว หรือตกเป็นภาระของผู้ใช้งานที่ต้องคอยหลีกเลี่ยงภัยคุกคามต่าง ๆ ด้วยตัวเองทุกครั้ง ถึงแม้ว่าหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้อมูลต้องการให้สมาชิกในทีมคอยสอดส่องและสแกนหาภัยคุกคามตลอดเวลา แต่พวกเขามักจะให้ความสนใจไปที่งานหลักมากกว่าเสมอ

จุดยืนด้านความปลอดภัยของซอฟต์แวร์จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่ใช่แค่มอบอำนาจควบคุมดูแลให้แก่ผู้ใช้งานโดยคาดหวังให้พวกเขารู้ได้ด้วยตัวเองว่าจะต้องทำการควบคุมตอนไหนเมื่อไหร่ ผู้นำทางธุรกิจจะต้องปรับใช้การดำเนินงานเชิงรุกเพื่อช่วยมอบความปลอดภัยเพิ่มไปอีกระดับ - โดยไม่ต้องพึ่งพาการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใช้งาน และปัจจัยหลักในการจัดเตรียมการสื่อสารและการทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยในเชิงรุกก็คือ ความเชื่อใจนั่นเอง แต่ความสามารถในการเชื่อใจอาจแบ่งได้หลายระดับตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปถึงขั้นละเอียดอ่อน

ตัวอย่างในชีวิตประจำวันได้แก่ อีเมล ปัจจุบันงานที่ต้องร่วมมือกันสามารถแยกกันทำได้มากขึ้น โดยอาศัยการแจ้งเตือนในอีเมลและการส่งข้อความเพื่อใช้การทำงานร่วมกันกับทีม, องค์กร และขอบเขตธุรกิจต่างๆ เป็นสาเหตุให้ผู้โจมตีมุ่งเป้าไปที่การใช้ประโยชน์จากอีเมล โดยวิธีฟิชชิ่งและวิธีโจมตีทางโซเชียลเอนจิเนียริ่งอื่นๆ ผู้นำจึงควรเลือกโซลูชั่นที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบ และประเมินความถูกต้องของอีเมลได้อย่างสบายใจ ความสามารถในการเชื่อมั่นในอีเมลไม่เพียงมีประโยชน์ต่อการทำงานร่วมกันของผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังช่วยคุ้มครองความปลอดภัยของข้อมูลที่แบ่งปันกันได้ด้วย การปกป้องข้อมูลในการทำงานร่วมกันไม่ใช่ว่ามีก็ดีไม่มีก็ได้ แต่คือสิ่งจำเป็น และโซลูชั่นที่ใช้ในการจัดการการทำงานร่วมกันที่มีความปลอดภัยเป็นรากฐานนั้นไม่เพียงช่วยให้ผู้ใช้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยได้ แต่ยังมีประโยชน์อย่างมากต่อทีม IT ในการปรับใช้งานซึ่งเป็นส่วนเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจที่สามารถวัดได้

ความได้เปรียบทางการแข่งขันที่แท้จริงของคุณ

สภาพแวดล้อมการแข่งขันปัจจุบันเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้นำทางธุรกิจที่มีความคิดแบบดุดันไม่เกรงใจใคร นี่อาจฟังดูขัดกับความรู้สึกนิดหน่อย เนื่องจากนักลงทุนมีปฏิกิริยาเชิงบวกต่อผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตด้วยต้นทุนที่สูง แต่ด้วยการลงทุนอย่างรอบคอบกับเครื่องมือที่เหมาะสม คุณจะสามารถวางตำแหน่งอยู่ในเชิงรุกได้ในขณะที่ขยายส่วนต่างผลกำไรไปด้วย

ในวันนี้ ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของคุณ คือ การระดมทีมของคุณในแบบบูรณาการ สิ่งนี้เน้นหนักไปที่การปลดล็อกและสเกลลิ่งโอกาสซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยได้เจอด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ แทนที่การคิดหาทางเพื่อจะทำให้ทีมเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องที่พวกเขาถนัดอยู่แล้ว

ปลดล็อกศักยภาพแฝงขององค์กรของคุณ เปิดประสบการการใช้งานแพลตฟอร์มการจัดการงานรูปแบบใหม่แก่พนักงาน ให้พวกเขาสามารถทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจระดับสูงและขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งพนักงาน รวมไปถึงลูกค้าของคุณจะขอบคุณคุณในภายหลังอย่างแน่นอน

Smartsheet เครื่องมือการจัดการโครงการและการทำงานร่วมกันชั้นนำที่รองรับเวิร์กโฟลว์ของคุณ เพิ่มศักยภาพในการจัดการงานของคุณ คลิกที่นี่ เพื่อติดต่อทีมงานของเรา