กลับไปสู่การขายโดยมนุษย์ และเริ่มเพิ่มประสิทธิภาพด้วยความช่วยเหลือจาก AI

เนื่องจาก AI ได้แทรกซึมเข้ามาในชีวิตของเราเกือบทุกด้านในปี 2023 ผู้นำฝ่ายขายทั้งหลายจึงมองเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรม — ระบบอัตโนมัติ การวิเคราะห์ข้อมูล และประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้เริ่มต้น โดยผู้ใช้งาน AI จำนวนมากพบว่าอัตราการเเปลงคอนเวอร์ชันเรทและประสิทธิภาพการขายดีขึ้น 10-30% และแนวโน้มการปฏิวัติที่เรากำลังจะได้เห็นจะถูกเปลี่ยนเเปลงขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงภายในช่วงเวลานี้ในปีหน้า นี่คือสิ่งที่ผู้นำการขายควรจับตาดู

เทรนด์ที่ 1: การใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

เป็นไปตามรายงาน สถานะของการขาย ประสิทธิภาพการดำเนินงานเป็นหนึ่งในแนวโน้มที่สำคัญที่สุดในการขาย โดยทั่วไปแล้ว ตัวแทนฝ่ายขายจะใช้เวลาเพียง 28% ของสัปดาห์ในการขายจริง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาใช้เวลา 72% ไปกับงานธุรการและงานอื่นๆ ระบบ AI จะเข้ามาช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมาก ด้วยการจัดการงานประจำเหล่านี้เเทน ทำให้ทีมของคุณมีอิสระในการใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและทำยอดขายได้มากขึ้น

การเริ่มต้นกับ AI อาจดูน่ากลัวในตอนแรก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอ เริ่มต้นด้วยพื้นฐานเชิญทั้งองค์กรของคุณมารวมตัวกันเพื่อระดมความคิด โดยให้กลุ่มระบุงานที่ต้องใช้เวลานานที่สุดของตน จากนั้นแบ่งออกเป็นทีมๆ และให้แต่ละทีมค้นคว้าสิ่งที่ดีที่สุดที่จะต้องใช้ เครื่องมือAI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการเหล่านั้น เเล้วกลับมารวมตัวกันเพื่อแชร์ผลลัพธ์และสร้างแผนปฏิบัติการ

นี่คือตัวอย่างหนึ่งของวิธีที่ AI สามารถช่วยได้ : เจาะลึกการสนทนาเเบบไอน์สไตน์ จาก Salesforce ระบบจะบันทึกและถอดเสียงการโทรเพื่อการขาย (รวมถึงวิดีโอ) โดยอัตโนมัติ ซึ่งคุณสามารถใช้เพื่อแบ่งปันช่วงเวลาที่ต้องฝึกสอนกับตัวแทนของคุณในภายหลังได้ ระบบเเบบไอน์สไตน์ยังสามารถแจ้งช่วงเวลาสำคัญได้ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาฟังการโทรทั้งหมด จากนั้นคุณสามารถฝึกสอนตัวแทนของคุณเพื่อทำซ้ำสิ่งที่ได้ผลและสามารถจัดการกับสิ่งที่ไม่ได้ผลได้เลย

เทรนด์ที่ 2: ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์

มีหลายแห่งระบุว่าผู้ขายและผู้นำฝ่ายขายต่างเรียกปี 2010-2022 ว่าเป็นยุคทองของการขาย บริษัทต่างๆ สามารถขับเคลื่อนการเติบโตได้โดยใช้กระบวนการและกลยุทธ์ tried-and-true (พิสูจน์เเล้วว่าดีจริง) เช่น: อีเมลเทมเพลต, การโทรโดยไม่ได้นัดหมาย, การสาธิต, ส่วนลดที่น่าสนใจต่างๆ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เทคนิคต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยนตาม ตอนนี้การให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าที่เเท้จริงและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เป็นกุญแจสำคัญ ซึ่งช่วยให้คุณได้เปรียบในการแข่งขันด้วยการสร้างความไว้วางใจ

เริ่มต้นด้วยการอยากรู้ว่าลูกค้าของคุณคือใครและอะไรที่สำคัญสำหรับพวกเขา ลองเชิญลูกค้าบางท่านของคุณมารับประทานอาหารกลางวันและให้ทีมขายของคุณเรียนรู้จากพวกเค้า ขอให้พวกเขาแนะนำทีมของคุณผ่านปัญหาที่พวกเขาเผชิญอยู่ทุกวัน และให้เวลาทีมของคุณถามคำถามต่างๆ จากนั้นให้ตัวเเทนฝ่ายพัฒนาการขาย( SDRs) โทรหาผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าสัก 2-3 รายและถามพวกเขาว่าพวกเขากำลังเผชิญกับอุปสรรคประเภทเดียวกันหรือไม่

เมื่อทีมของคุณเสร็จสิ้นจากการโทรเหล่านี้ ให้กลับมารวมตัวกันหารือเกี่ยวกับผลลัพธ์ และวางแผนเพื่อจัดการกับแนวโน้มที่ค้นพบ การใช้สคริปต์น้อยลงและเข้าถึงการจัดการด้านมนุษย์สัมพันธ์มากขึ้น คุณอาจเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเช่นกัน

เทรนด์ที่ 3: การสร้างวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

ธรรมดาและเรียบง่าย บริษัทที่ใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการตัดสินใจมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายรายได้มากกว่าบริษัทที่ไม่ทำ โดย มีโอกาสมากขึ้น 58% ด้วยข้อมูลมากมายที่มีนี่จึงเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับทีมของคุณที่จะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลซัพพอทมากขึ้น ด้วย AI ที่ช่วยทำให้กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นไปโดยอัตโนมัติ คุณสามารถรับข้อมูลเชิงลึกที่คุณต้องการได้เร็วกว่าที่เคย ผู้นำการขายก็สามารถใช้ ข้อมูลการขาย เพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น สามารถเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการขายและโอกาสในการซื้อขาย และเหนือสิ่งอื่นใดสามารถปรับแต่งกลยุทธ์การเติบโตของยอดขายได้อีกด้วย

เพื่อสร้างทีมขายที่ ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล คุณต้องเริ่มต้นด้วยการรักษาข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ จากนั้นใช้ข้อมูลในทุกขั้นตอนของการขายและระหว่างการฝึกอบรมและการฝึกสอน ให้ตัวแทนของคุณดูอัตราการเเปลงคอนเวอร์ชันเรทปัจจุบันในระยะต่างๆใน sales funnel หรือทดลองใช้เทคนิคการขายในภูมิภาคต่างๆ และวิเคราะห์ผลลัพธ์กับทีมของคุณเพื่อให้พวกเขาเข้าใจได้ดีขึ้นว่าอะไรได้ผลและอะไรไม่ได้ผล การฝึกอบรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจะช่วยให้ทีมของคุณเรียนรู้ที่จะตัดสินใจเลือกโดยอาศัยหลักฐานมากกว่าการคาดเดา

เทรนด์ที่ 4: มุ่งสู่การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์

ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจเเบบ B2B หรือ B2C มีโอกาสที่ลูกค้าของคุณกำลังติดตามอินฟลูเอนเซอร์ในอุตสาหกรรมของคุณบนโซเชียลมีเดีย ที่จริงแล้ว การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ได้รับความนิยมมากจนกลายเป็น อุตสาหกรรมมูลค่า 21 พันล้านดอลลาร์ ไม่น่าแปลกใจเลยว่า การเป็นพันธมิตรกับอินฟลูเอนเซอร์ที่ยินดีรับรองผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคุณจะทำให้คุณมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นกับลูกค้าที่ติดตามและไว้วางใจพวกเขา และพวกเขามีแนวโน้มที่จะพิจารณาคุณมากขึ้นเมื่อถึงเวลาซื้อ

เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น วิธีที่พวกเขาแสดงความคิดเห็น ขอความช่วยเหลือ และการมีส่วนร่วมในบทสนทนาทั่วไป เมื่อคุณทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าลูกค้าของคุณคือใครและประพฤติตนอย่างไร คุณสามารถระบุเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่มีแนวโน้มจะได้รับความสนใจจากพวกเขามากที่สุด

เมื่อคุณพร้อมที่จะหาอินฟลูเอนเซอร์ ให้มองหามืออาชีพที่มีผู้ติดตามจำนวนมากและมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มที่ลูกค้าของคุณใช้บ่อยที่สุด ติดต่อพวกเขาเพื่อดูว่าพวกเขายินดีที่จะสร้างโพสต์บนโซเชียลมีเดียเพื่อสร้าง brand awarness และโอกาสในการขายอย่างอบอุ่นให้ทีมขายของคุณได้หรือไม่ คุณยังสามารถให้พวกเขาขอความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาจากลูกค้าของคุณที่อาจลังเลที่จะพูดตามจริงเมื่อพูดคุยกับคุณโดยตรง ด้วยวิธีนี้ คุณจะมีแนวโน้มที่จะได้รับความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้นว่าลูกค้าของคุณต้องการอะไรและอะไรจำเป็นจริงๆ

เทรนด์ที่ 5: การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับการตลาดมากขึ้น

สิ่งที่ทีมขายมักรายงานกลับมาให้ผู้นำการขายทราบ มักจะเป็นเรื่องของ การจัดตำแหน่งระหว่างการขายกับการตลาด มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น โดยเชื่อมโยงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และ เส้นทางของผู้ซื้อไว้ด้วยกันตั้งเเต่เริ่ม ทั้งสองสิ่งนี้จะสร้างข้อมูลอันมีค่าจำนวนมหาศาลของกลุ่มลูกค้าและความชื่นชอบได้ แต่โฟลว์มีแนวโน้มที่จะเป็นวันเวย์: จากการตลาดไปจนถึงการขาย สำหรับบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูง ฝ่ายแนวหน้าจะรายงานกลับมาเพื่อช่วยการตลาดในการปรับแต่งข้อเสนอของทีม ชุดข้อมูลสามารถผสานรวมได้อย่างง่ายดายผ่าน CRM เพื่อให้เห็นภาพโอกาสในการขายที่แม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยให้ทีมขายและการตลาดตัดสินใจร่วมกันโดยอาศัยข้อมูล

วิธีหนึ่งในการส่งเสริมการทำงานร่วมกันที่ดีขึ้น คือการจัดตัวแทนจากฝ่ายขายและการตลาดลงในกลุ่มและสร้างแผนการจ่ายค่าตอบแทนของทีมให้สอดคล้องกัน ถ้าทีมลงตัวรวมกันเหนียวเเน่นตรงตาม เมตริก ทุกคนในทีมนั้นจะได้รับโบนัสรายไตรมาส ด้วยวิธีนี้ พนักงานแต่ละคนจึงมีโอกาสน้อยที่จะโต้แย้งว่าใครควรได้รับเครดิตสำหรับการขายรายการใดรายการหนึ่ง และกลยุทธ์ต่างๆ ก็จะสอดคล้องกัน

ใช้แนวโน้มการขายเพื่อสร้างทีมขายที่ปรับตัวได้และมีประสิทธิภาพสูง

แนวโน้มการขายทั้ง 5 นี้จะช่วยให้คุณสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถสร้างความสัมพันธ์อย่างแท้จริงกับลูกค้า และขับเคลื่อนการเติบโตของยอดขายที่มีค่า ทีมขายที่ปรับตัวได้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นและความต้องการของลูกค้าของคุณเปลี่ยนไป ดังนั้น อย่ากลัวที่จะอยากรู้อยากเห็นและเจาะลึกเทรนด์ใหม่ๆ ในการขาย แม้ว่าในตอนแรกคุณจะไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเข้าถึงเทรนด์เหล่านั้นอย่างไรก็ตาม ด้วยการตามทันเทรนด์ คุณสามารถช่วยเตรียมองค์กรการขายของคุณให้พร้อมรับความสำเร็จได้ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI สำหรับธุรกิจคุณ! ติดต่อเรา